หลังจากพระเจ้าตะเบ็งชเวตี้ถูกกลุ่มแม่ทัพมอญลอบปลงพระชนม์ เพื่อชิงราชสมบัติ บุเรงนองซึ่งปราบกบฎสำเร็จแล้วได้ขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าหงสาวดีได้ยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ. 2106 เนื่องจากสมเด็จพระมหาจักรพรรดิไม่ทรงยอมมอบช้างเผือกให้ตามที่ขอมา บุเรงนองยกทัพมาทางหัวเมืองฝ่ายเหนือผ่านด่านแม่ละเมาและตีเมืองพิษณุโลกได้ ทำให้พระมหาธรรมราชาต้องถวายสัตย์อยู่ข้างฝ่ายหงสาวดี สมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงยอมหย่าศึกกับพระเจ้าบุเรงนอง
จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ทำให้กรุงศรีอยุธยาต้องมอบช้างเผือกให้แก่พระเจ้าหงสาวดี 4 เชือก ส่วยช้างปีละ 30 เชือก เงินปีละ 300 ชั่ง ภาษีอากรที่เมืองมะริด และยอมให้นำตัวพระราเมศวร พระยาจักรีและพระสุนทรสงคราม ไปกรุงหงสาวดี บุเรงนองได้แวะเมืองพิษณุโลกและขอพระนเรศวรซึ่งขณะนั้นมีพระชนมายุ 9 พรรษา ไปเลี้ยงดูที่กรุงหงสาวดีอีกด้วย
สงครามเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 1
หลังจากเสร็จสิ้นสงครามช้างเผือก สมเด็จพระมหาจักรพรรดิได้ปรับปรุงบ้านเมืองเพื่อเตรียมรับศึก รวมทั้งสร้างสัมพันธไมตรีกับพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชแห่งอาณาจักรล้านช้าง ซึ่งเป็นเหตุให้พระมหินทร พระราชโอรสของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิเกิดความขัดแย้งกับพระมหาธรรมราชา เจ้าผู้ครองเมืองพิษณุโลก พระมหินทรจึงได้ให้พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชส่งกองทัพมาช่วยตีเมืองพิษณุโลก แต่พระมหาธรรมราชาสามารถป้องกันเมืองไว้ได้
พระเจ้าบุเรงนองทรงทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทรงสถาปนาพระมหาธรรมราชาเป็นเจ้าประเทศราชของกรุงหงสาวดี ปกครองเมืองพิษณุโลกและหัวเมืองฝ่ายเหนือโดยไม่ขึ้นต่อกรุงศรีอยุธยา จากการขัดแย้งระหว่างพระมหาธรรมราชากับพระมหินทรทำให้ทางกรุงศรีอยุธยาอ่อนแอลง
ในปี พ.ศ. 2111 พระเจ้าบุเรงนองยกทัพใหญ่มาหมายตีกรุงศรีอยุธยาให้แตกพ่าย กองทัพพม่าล้อมกรุงศรีอยุธยาอยู่หลายเดือน แต่ก็ยังไม่สามารถเข้ายึดได้ เพราะทหารกรุงศรีอยุธยาได้ต่อสู้อย่างเข้มแข็ง เพื่อรอให้ถึงฤดูน้ำหลาก ซึ่งจะทำให้กองทัพพม่าตั้งค่ายอยู่ไม่ได้ ระหว่างที่ศึกมาประชิดกรุงนั้น สมเด็จพระมหาจักรพรรดิประชวรและเสด็จสวรรคตในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2111 พระมหินทรเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์พระนามว่า สมเด็จพระมหินทราธิราช และทรงต่อสู้ป้องกันกรุงศรีอยุธยาต่อไป หลังจากนั้นทางพม่าได้ใช้กลอุบายให้พระยาจักรีมาเป็นไส้ศึก กรุงศรีอยุธยาจึงเสียแก่พม่าในปี พ.ศ. 2112
จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ทำให้สมเด็จพระมหินทราธิราชถูกจับไปเป็นเชลยที่หงสาวดี รวมทั้งข้าราชบริพารอีกจำนวนหนึ่ง และทำให้กรุงศรีอยุธยาได้กลายเป็นประเทศราชของกรุงหงสาวดีนับแต่นั้นมา ซึ่งนับเป็นการสูญเสียอิสรภาพของคนไทยเป็นครั้งแรก
จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ทำให้สมเด็จพระมหินทราธิราชถูกจับไปเป็นเชลยที่หงสาวดี รวมทั้งข้าราชบริพารอีกจำนวนหนึ่ง และทำให้กรุงศรีอยุธยาได้กลายเป็นประเทศราชของกรุงหงสาวดีนับแต่นั้นมา ซึ่งนับเป็นการสูญเสียอิสรภาพของคนไทยเป็นครั้งแรก
การประกาศอิสรภาพและยุทธหัตถี
หลังจากเสร็จสิ้นสงคราม พระมหาธรรมราชาได้ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา มีพระนามว่า สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช ปกครองกรุงศรีอยุธยาสืบต่อมา
ต่อมาพระเจ้าบุเรงนองได้ส่งพระนเรศวรกลับคืนกรุงศรีอยุธยาหลังจากที่พระองค์ได้อยู่ที่กรุงหงสาวดีเป็นเวลา 6 ปี สมเด็จพระมหาธรรมราชาโปรดเกล้า ฯ ให้มีพระราชพิธีสถาปนาพระนเรศวรขึ้นเป็นพระมหาอุปราชและส่งไปครองเมืองพิษณุโลก และระหว่างที่สมเด็จพระนเรศวรประทับอยู่ที่เมืองพิษณุโลก พระองค์ทรงฝึกฝนไพร่พลให้เข้มแข็งในการศึกสงครามเพื่อเตรียมประกาศเอกราช
ในปี พ.ศ. 2126 พระเจ้านันทบุเรงกษัตริย์พม่า ซึ่งเป็นพระราชโอรสพระเจ้าบุเรงนอง ได้มีคำสั่งให้ทางกรุงศรีอยุธยาซึ่งอยู่ในฐานะเมืองประเทศราชส่งกองทัพไปช่วยปราบปรามเมืองอังวะที่ไม่ยอมอ่อนน้อมต่อหงสาวดี โดยให้ไปสมทบกับกองทัพของเมืองอื่นที่เมืองแครง สมเด็จพระมหาธรรมราชาโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพะนเรศวรเป็นผู้นำกองทัพไป
สมเด็จพระนเรศวรเป็นผู้ที่มีความสามารถในการรบ ทำให้ฝ่ายพม่าหวาดระแวงว่ากรุงศรีอยุธยาจะแข็งเมือง จึงหาทางกำจัดพระนเรศวร แต่พระองค์ทรงทราบแผนการนี้ก่อนจากพระยาเกียรติ์และพระยารามซึ่งเป็นขุนนางชาวมอญ สมเด็จพระนเรศวรจึงทรงประกาศอิสรภาพที่เมืองแครง ไม่ยอมเป็นเมืองขึ้นของกรุงหงสาวดีอีกต่อไป หลังจากนั้นได้กวาดต้อนผู้คนกลับกรุงศรีอยุธยา
สมเด็จพระนเรศวรเป็นผู้ที่มีความสามารถในการรบ ทำให้ฝ่ายพม่าหวาดระแวงว่ากรุงศรีอยุธยาจะแข็งเมือง จึงหาทางกำจัดพระนเรศวร แต่พระองค์ทรงทราบแผนการนี้ก่อนจากพระยาเกียรติ์และพระยารามซึ่งเป็นขุนนางชาวมอญ สมเด็จพระนเรศวรจึงทรงประกาศอิสรภาพที่เมืองแครง ไม่ยอมเป็นเมืองขึ้นของกรุงหงสาวดีอีกต่อไป หลังจากนั้นได้กวาดต้อนผู้คนกลับกรุงศรีอยุธยา
สงครามเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2
หลังจากได้ว่างเว้นจากการศึกสงครามภายนอกมาเป็นเวลานาน ทำให้กรุงศรีอยุธยาไม่ได้เตรียมพร้อมสำหรับการป้องกันพระนคร ในปี พ.ศ. 2295 พระเจ้าอลองพญาขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์พม่า และมีพระราชประสงค์จะขยายอาณาเขต ทรงยกกองทัพมาตีไม่สำเร็จจึงถอยทัพกลับไป และสิ้นพระชนม์ในระหว่างทางในปี พ.ศ. 2303 พระเจ้ามังระ ซึ่งเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าอลองพญาขึ้นครองราชย์ พระองค์ทรงสั่งเดินทัพเข้ามา 2 ทาง โดยทัพแรกมอบให้เนเมียวสีหบดีเป็นแม่ทัพยกทัพมาตีหัวเมืองฝ่ายเหนือของอยุธยา แล้วให้ย้อนกลับมาตีกรุงศรีอยุธยา ส่วนทัพที่ 2 มอบให้มังมหานรธาเป็นแม่ทัพยกทัพมาตีเมืองทวายและกาญจนบุรี แล้วให้มาสมทบกับเนเมียวสีหบดีเพื่อล้อมกรุงศรีอยุธยาพร้อมกัน กองทัพพม่าล้อมกรุงอยู่นาน 1 ปี 2 เดือน ทำให้ราษฎรในเมืองอดอยากและหมดกำลังใจต่อสู้
ระหว่างที่กองทัพพม่าล้อมกรุงศรีอยุธยาอยู่นั้น พระยาตาก (สิน) เห็นว่าไม่อาจจะต่อสู้พม่าได้ จึงรวบรวมสมัครพรรคพวกประมาณ 500 คน ตีฝ่าวงล้อมของกองทัพพม่าออกไปทางทิศตะวันออกและไปตั้งอยู่ที่เมืองจันทบุรี เพื่อหาฐานที่มั่นวางแผนกลับมาตีกองทัพพม่าต่อไป
ในที่สุดฝ่ายพม่าที่ตั้งทัพล้อมกรุงศรีอยุธยาอยู่นั้นก็สามารถตีกรุงศรีอยุธยาได้สำเร็จเป็นครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2310
จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ทำให้บ้านเมืองสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ เพราะพม่าได้ทำลายบ้านเรือนและวัดต่าง ๆ ด้วยการจุดไฟเผา รวมทั้งกวาดต้อนผู้คนไปเป็นเชลย และนำทรัพย์สมบัติต่าง ๆ กลับไปเป็นจำนวนมาก กรุงศรีอยุธยาที่เคยเจริญรุ่งเรืองในอดีตเหลือเพียงซากปรักหักพัง
ในที่สุดฝ่ายพม่าที่ตั้งทัพล้อมกรุงศรีอยุธยาอยู่นั้นก็สามารถตีกรุงศรีอยุธยาได้สำเร็จเป็นครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2310
จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ทำให้บ้านเมืองสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ เพราะพม่าได้ทำลายบ้านเรือนและวัดต่าง ๆ ด้วยการจุดไฟเผา รวมทั้งกวาดต้อนผู้คนไปเป็นเชลย และนำทรัพย์สมบัติต่าง ๆ กลับไปเป็นจำนวนมาก กรุงศรีอยุธยาที่เคยเจริญรุ่งเรืองในอดีตเหลือเพียงซากปรักหักพัง
เหตุการณ์สำคัญทางการเมืองของไทย (ล้มล้างรัฐบาล
หลังพ.ศ. 2475 – ก่อนคณะปฏิรูป
หลังพ.ศ. 2475 – ก่อนคณะปฏิรูป
กบฏบวรเดช
•เกิดขึ้นเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2476
•ผู้นำการเปลี่ยนแปลง คือ พลเอกพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช และพระยาศรีสิทธิสงคราม (ถิ่นท่าราบ)
•สาเหตุของการเปลี่ยนแปลง เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยและนำประเทศกลับสู่การปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์อีกครั้ง
•ผลของการเปลี่ยนแปลง คือ ปฏิวัติครั้งนี้ล้มเหลว พวกกบฏถูกฝ่ายรัฐบาลปราบปรามได้สำเร็จ
การรัฐประหาร พ.ศ. 2490
•เกิดขึ้นในคืนวันที่ 7 พฤศจิกายน ต่อเนื่องถึงเช้าวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490
•ผู้นำการเปลี่ยนแปลง คือ พันเอกหลวงกาจสงครามและพลโทผิน ชุณหะวัน
•สาเหตุของการเปลี่ยนแปลง กรณีสวรรคตของรัชกาลที่ 8 และปัญหาการฉ้อราษฎร์บังหลวง
• ผลของการเปลี่ยนแปลง ทำให้จอมพลป.พิบูลย์สงครามกลับมามีบทบาททางการเมืองอีกครั้ง และกลุ่มซอยราชครูมีบทบาทสำคัญทางการเมืองมากขึ้น, ความสัมพันธ์ระหว่างระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกาแน่นแฟ้นมาก
การรัฐประหาร พ.ศ. 2501
•รัฐประหาร 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501
•ผู้นำการเปลี่ยนแปลง คือ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์
•สาเหตุของการเปลี่ยนแปลง อ้างสาเหตุจากภัยคุกคามของลัทธิคอมมิวนิสต์
• ผลของการเปลี่ยนแปลง ทำให้ประเทศไทยเข้าสู่ระบอบเผด็จการอำนาจนิยม
วันมหาวิปโยค 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516
•ผู้นำการเปลี่ยนแปลง คือ ประชาชน นิสิต นักศึกษา
•สาเหตุของการเปลี่ยนแปลง เพื่อต่อต้านเผด็จการทหารที่ครอบงำและลิดรอนสิทธิ์เสรีภาพทางการเมืองของประชาชน
• ผลของการเปลี่ยนแปลง ประเทศไทยเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ ประชาชนมีเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมืองอย่างกว้างขวาง และมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2517 (ที่ถือว่ามีความเป็นประชาธิปไตยมากที่สุดฉบับหนึ่ง)
เหตุการณ์ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519
•ผู้นำการเปลี่ยนแปลง คือ พลเรือเอกสงัด ชลออยู่
•สาเหตุของการเปลี่ยนแปลง อ้างว่านิสิตนักศึกษาที่เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในวันที่ 14 ต.ค. 2516 ได้รับการสนับสนุนจากคอมมิวนิสต์
• ผลของการเปลี่ยนแปลง ระบอบประชาธิปไตยถูกล้มล้างและกลับไปสู่การปกครองแบบเผด็จการอำนาจนิยมอีกครั้ง สภาพการเมืองขาดเสถียรภาพและเกิดความแตกแยกอย่างรุนแรง
การรัฐประหาร พ.ศ. 2520
•ผู้นำการเปลี่ยนแปลง คือ พลเรือเอกสงัด ชลออยู่
•สาเหตุของการเปลี่ยนแปลง การคัดค้านนโยบายแบบขวาจัดของนายธานินทร์ กรัยวิเชียร(เผด็จการโดยพลเรือน)
• ผลของการเปลี่ยนแปลง มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2521 พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์และพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อมา
การรัฐประหาร พ.ศ. 2534 (รสช.)
•ผู้นำการเปลี่ยนแปลง คือ พลเอกสุนทร คงสมพงษ์, พลเอกสุจินดา คราประยูร, พลอากาศเอกเกษตร โรจนนิล
•สาเหตุของการเปลี่ยนแปลง การฉ้อราษฎร์บังหลวงของคณะรัฐบาลที่มีพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณเป็นนายกรัฐมนตรี
• ผลของการเปลี่ยนแปลง นายอานันท์ ปันยารชุน ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรี
เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ (17-19 พ.ค. 2535)
•ผู้นำการเปลี่ยนแปลง คือ ประชาชนทั่วไป นักเรียน นักศึกษา
•สาเหตุของการเปลี่ยนแปลง นักศึกษา ประชาชน และนักการเมืองบางกลุ่ม ร่วมกันต่อต้านการเข้าดำรงตำแหน่งผู้นำของพลเอกสุจินดา คราประยูร
• ผลของการเปลี่ยนแปลง เกิดเหตุการณ์นองเลือดอีกครั้ง และนายอานันท์ ปันยารชุนกลับเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกฯอีกวาระหนึ่ง